ยูเอ็นกดดันนานาชาติให้เร่งปรับเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมกำหนดเส้นตายเดือนกันยายนนี้ในการส่งแผนปฏิบัติการ ก่อนการประชุม COP30 ที่บราซิล โดยมีเป้าหมายให้ประเทศต่าง ๆ เร่งยกระดับความเข้มข้นของแผน
องค์การสหประชาชาติเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ จัดทำแผนด้านสภาพภูมิอากาศที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้ โดยมีเป้าหมายกดดันเศรษฐกิจขนาดใหญ่รวมถึงสหภาพยุโรปและจีน ก่อนการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติปลายปีนี้
สหประชาชาติได้ขอให้ประเทศต่าง ๆ ส่งแผนดังกล่าว ซึ่งเรียกว่า Nationally Determined Contributions (NDCs) เพื่อให้สามารถประเมินความพยายามได้ก่อนการประชุม COP30 ในเดือนพฤศจิกายน ที่ประเทศบราซิล
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ของประเทศต่าง ๆ ยังไม่ได้ดำเนินการ ทั้งที่ได้ตกลงกันไว้ภายใต้ความตกลงปารีส ค.ศ. 2015 ว่าจะต้องส่งแผนภายในปีนี้ โดย NDCs ที่ปรับปรุงแล้วควรอธิบายถึงวิธีการที่แต่ละประเทศจะลดการปล่อยก๊าซภายในปี ค.ศ. 2035
ส่งจดหมายถึง 200 ประเทศ
ในจดหมายที่ส่งถึงเกือบ 200 ประเทศ ไซมอน สตีล (Simon Stiell) หัวหน้าสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ กล่าวถึง NDCs ว่าเป็น รากฐานของการต่อสู้ของมนุษยชาติกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศโลก
จดหมายดังกล่าวระบุ ซึ่งสหประชาชาติได้เผยแพร่ต่อสาธารณะ ว่าแผนสภาพภูมิอากาศระดับชาติถือเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดของศตวรรษนี้ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและยกระดับมาตรฐานการครองชีพ
จีน ซึ่งปัจจุบันเป็นประเทศที่ก่อมลพิษมากที่สุดของโลก ระบุเพียงว่าจะปรับปรุงเป้าหมายในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ขณะที่สหภาพยุโรปกำลังประสบความยากลำบากในการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนของตน โดยในเดือนนี้ ประเทศสมาชิกบางส่วน เช่น ฝรั่งเศสและโปแลนด์ ได้เรียกร้องให้เลื่อนการอนุมัติเป้าหมายปี ค.ศ. 2040 ของกลุ่ม ซึ่งจะมีผลต่อการกำหนดเป้าหมายปี ค.ศ. 2035
สหประชาชาติประเมินทิศทางของเเต่ละประเทศ
การประเมินของสหประชาชาติจะช่วยบ่งชี้ว่าประเทศต่าง ๆ กำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่สามารถควบคุมภาวะโลกร้อนให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย หรือยังจำเป็นต้องยกระดับแผนให้เข้มข้นขึ้น
วิธีที่รัฐบาลตอบสนองจะเป็นบททดสอบความจริงจังต่อพันธกิจด้านสภาพภูมิอากาศ ในช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ที่สุดในเชิงประวัติศาสตร์ กำลังลดบทบาทในความพยายามดังกล่าว
ปีที่แล้วเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ และสิบปีที่ร้อนที่สุดเกิดขึ้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ภาวะโลกร้อนกำลังทำให้สภาพอากาศสุดขั้วเลวร้ายลงในหลายทวีป ไม่ว่าจะเป็นพายุฝนตกหนัก ไฟป่า หรือคลื่นความร้อน